หนังไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก แต่ถ้าจะก้าวสู่การแข่งขันในตลาดอินเตอร์ ต้องปลดล็อคข้อจำกัดเหล่านี้ให้ได้ก่อน
"หนังไทย" มีความน่าสนใจไม่แพ้ชาติใด กวาดรางวัลเวทีระดับโลกมาแล้วมากมาย ทว่ากลับดูเหมือนยุคนี้หนังไทยค่อนข้างซบเซา คนไทยดูหนังไทยน้อยลง คนทำหนังเองก็หลบซ่อนอยู่ใน Comfort zone เกิดอะไรขึ้นกับความบันเทิงแขนงนี้
และจะเป็นอย่างไรต่อไปท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี แพลตฟอร์ม และรสนิยมของผู้ชม
เปิดใจคนทำหนังไทย
แม้ในมุมของผู้ผลิตจะประกอบไปด้วยคนหลากหลายสาขาอาชีพ ทั้งดารานักแสดง ผู้กำกับ ผู้เขียนบท โปรดิวเซอร์ แต่ต้องยอมรับว่าในแวดวงภาพยนตร์ไทย โปรดิวเซอร์ถือเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ ซึ่งทุกวันนี้ท่ามกลางการแข่งขันที่สูงมาก กลไกแบบเดิมๆ กำลังเป็นปัญหา
"ผมเป็นโปรดิวเซอร์หนัง เป็นเจ้าของโปรเจ็กท์ เป็นคนหาตังค์มาทำหนัง ด้วยการเอาโปรเจ็กท์ไปขายตามสตูดิโอต่างๆ ในเมืองไทยไม่มีสตูดิโอแบบฝรั่งที่เป็นแหล่งเงิน แล้วมีโปรดักชั่นเฮาส์เต็มไปหมด มีโปรดิวเซอร์มากมายไปจับคู่กับนักเขียนบท ผู้กำกับ แล้วเอาโปรเจ็กท์มาเสนอสตูดิโอ สตูดิโอชอบเรื่องนี้ก็ซื้อ แต่ในเมืองไทยไม่เป็นแบบนี้ ค่ายหนังทุกค่าย สหมงคลฟิล์ม ไฟว์สตาร์ GDH เป็นแหล่งเงินที่มีโปรดักชั่นเฮาส์อยู่ในตัวเอง ไม่มีค่ายหนังที่มีเงินแล้วให้มา
ผมเป็นต้นกำเนิดไอเดีย ที่รวบรวมเงิน รวบรวมคน แล้วทำบทด้วย เพราะเงินมันน้อยมาก ต้องดูแลความเสี่ยง ส่วนผู้กำกับ คนเขียนบทรับผิดชอบจินตนาการไป ผมรับผิดชอบความเป็นไปได้ ทำโปรเจ็กท์นี้ให้มันสำเร็จ ให้นักวิจารณ์ชอบ คนดูชอบ หวังว่าจะได้สตางค์ และความสำเร็จของโปรดิวเซอร์คือมีโอกาสที่จะได้ทำงานต่อไป
เครดิต : https://www.bangkokbiznews.com
Post a Comment